
ณ ป่าแห่งหนึ่ง ที่แสนกว้างใหญ่ เป็นที่อยู่อาศัยของสรรพสัตว์มากมาย
มีเสือแม่ลูกคู่หนึ่ง กำลังเดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางได้มีหมาบ้าเดินเข้ามาหา หมายจะหาเรื่อง
แม่เสือจึงพาลูกเดินเลี่ยงไปอีกทาง ลูกเสือเห็นดังนั้น ก็เกิดความสงสัย จึงเอ่ยถามแม่ว่า
“เจอสิงโตตัวใหญ่ แม่ยังกล้าสู้กับมัน แต่พอเจอหมาตัวแค่นี้ ทำไมแม่ถึงเดินหนี มันไม่สมศักดิ์ศรีนะแม่”
แม่เสือเลยตอบลูกกลับไปว่า “ลูกเอ๋ย..เจ้ารู้ไหมว่า หมาป่าตัวนั้น มันคือหมาบ้า
การเอาชนะหมาตัวหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องที่มีเกียรติ หรือน่าภูมิใจนะลูก
เผลอๆ หากโดนมันกัดเข้า เราจะยิ่งซวย ติดเชื้อหมาบ้ามาด้วย
ถึงเราจะเก่งกล้า หรือมีกำลังแค่ไหน แต่ก็ไม่ควรเผชิญหน้ากับทุกเรื่อง
จงจำไว้นะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีค่าพอ ให้เราลดตัวไปต่อสู้ หรือไปทะเลาะกับเขา”
ผู้คนในสังคมทุกวันนี้ ล้วนตกอยู่ในสภาวะ เครียด กดดัน ต้องดิ้นรน
ไม่ว่าจะเรื่องปากท้อง หรือครอบครัว ทุกคนต่างมีความโลภเป็นแรงผลักดัน
เปรียบเหมือนไฟร้อนสุมอยู่เต็มใจ ไม่ว่าที่ไหน ก็มักจะมีโอกาสเจอคนเหล่านี้
คนที่พ่นไฟ พ่นเรื่องร้ายๆ ออกมาจากตัวเอง ดังนั้น บางครั้ง บางเรื่อง บางเหตุการณ์
ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่จริงๆ อย่าได้ไปใส่ใจเลย จงยิ้มให้กับเขา แล้วเดินจากไป
ตั้งหน้าตั้งตาทำงานของเราให้ลุล่วง อย่าไปรับเอาไฟเหล่านั้นมาใส่ตัวเอง
เพราะมันไม่คู่ควรสำหรับผู้มีปัญญา เราจะไม่ไปทะเลาะ เพื่อเอาชนะคนแบบนั้นแน่นอน
กับบางคน เขาไม่มีราคาพอที่จะให้เรา ต้องเสียแรงไปต่อกรด้วย
แต่ถ้าเจอคนทำไม่ดีใส่ แล้วเรานิ่งเฉย ไม่ตอบโต้ บางครั้งเขาอาจได้ใจ และทำเรื่องแย่ๆ ใส่เราอีก
เพราะฉะนั้น เราไม่จำเป็นต้องทำตัวดีเกินไป หรือยอมให้เขารังแก
ต้องดูสถานการณ์ว่าเขาแค่เห่า หรือจะเข้ามากัด เราต้องใช้ปัญญาหาทางป้องกันตนเอง
อะไรแก้ด้วยกฎหมายได้ ก็พึ่งกระบวนการทางกฎหมาย เหมือนเจอหมาบ้า
ก็วางเฉยไม่ได้ ต้องรีบเรียกเทศกิจมาจัดการ มันจะได้ไม่เที่ยวไประรานคนอื่น
หากพึ่งกฎหมายไม่ได้ ก็ต้องพึ่งตนเอง หาทางหนีทีไล่ที่ไม่ผิดกฎหมาย และไม่ผิดศีลธรรม
อย่าแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง เพราะนั่นจะเป็นการสร้างปัญหาใหม่ตามมาอีก
เจอคนเลว อย่าทำเลวตอบ เพราะเรื่องเลวๆ เขาถนัดกว่าเรา แต่ก็อย่ายอมให้เขามารังแกเอาได้
ถึงเราจะไม่เห่าตอบหมา แต่ก็ไม่ควรยืนรอให้หมามันวิ่งเข้ามากัด
“เห็นเสือหมอบ อย่าคิดว่าเสือกลัว เห็นคนถ่อมตัว อย่าคิดว่าเขาไม่มีน้ำยา”