
พ่อลูกคู่หนึ่ง ได้ออกไปเดินเล่นกันในป่า ชื่นชมกับธรรมชาติข้างทางที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก
สักพักพ่อก็ได้หยุดเดิน แล้วถามลูกว่า “นอกจากเสียงนก ลูกได้ยินอะไรอีกไหม”
ลูกตอบไปว่า “เสียงรถม้ากำลังวิ่งอยู่ครับ”
พ่อตอบกลับลูก “ใช่แล้ว นั่นคือเสียงรถม้าที่ว่างเปล่า ไม่ได้บรรทุกอะไรเลย”
ลูกทำหน้าสงสัย “พ่อรู้ได้ยังไงครับว่ารถม้านั้นว่างเปล่า ไม่มีอะไร”
พ่อยิ้มเบาๆ แล้วตอบกลับความอยากรู้ของลูกน้อย “เพราะเสียงมันดังยังไงล่ะ เสียงยิ่งดัง แปลว่ามันว่างเปล่า”
อย่างคนที่เชี่ยวชาญในการเดินป่า ข้ามน้ำข้ามห้วย ลำธาร เขามักจะหยิบหินมาก้อนหนึ่ง
แล้วโยนลงน้ำก่อนที่จะข้ามผ่านทางน้ำนั้น นั่นเป็นเพราะเขาจะได้คาดคะเนความลึกของลำน้ำนั้นได้ถูกต้อง
ว่าลึกขนาดไหน ถ้าโยนแล้วมีละอองน้ำกระจายสูง หมายความว่า น้ำในลำธารก็ยิ่งตื้น
และในทางกลับกัน ถ้าละอองน้ำที่กระเซ็นนั้นน้อย รวมถึงน้ำที่ไหลเงียบ นั่นแปลว่าน้ำยิ่งลึกมาก
จงจำไว้ว่า “น้ำนิ่งยิ่งไหลลึก น้ำลึกยิ่งไร้เสียง”
เปรียบกับคนที่ไม่ทำตัวโดดเด่น ไม่โอ้อวด แต่นั่นคือวิถีของคนจริง หลักการนี้เราสามารถนำมาใช้
สังเกตคนที่เราพบเจอได้ คนที่ใจเย็นและมีวุฒิภาวะมากพอ จะไม่ไปต่อล้อต่อเถียงกับคนอื่นให้เสียเวลา
เพราะเขารู้ว่าเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ และคนแบบนั้น มักจะเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่
ไม่สนใจความคิดคนอื่น ดังนั้นแทนที่จะดันทุรัง สู้เดินออกมาเงียบๆ จะดีเสียกว่า
ที่มา : b i t c o r e t e c h