
ต้นไม้ยิ่งแก่ยิ่งมีรากเยอะ ดั่งพ่อแม่เมื่อแก่ชรา.. ก็ยิ่งพูดมากคำโบราณจีนกล่าวว่า..
ในบ้านมีหนึ่งผู้ชรา..เสมือนมีสิ่งล้ำค่าอย่าเห็นพ่อแม่เป็นเหมือนแค่…คนเฝ้าบ้าน
ก่อนนั้น..ที่พูดไม่เป็น คนเฝ้าบ้านคนนี้..เป็นคนสอนให้พูดก่อนนั้น..ที่เดินไม่เป็น คนเฝ้าบ้านคนนี้..
ที่เป็นคนคอยจูงมือให้หัดเดินก่อนนั้น..ที่เคี้ยวข้าวไม่เป็น คนเฝ้าบ้านคนนี้..ที่คอยเคี้ยวข้าวบดข้าวให้กิน
ก่อนนั้น..ที่อาบน้ำเองไม่เป็น คนเฝ้าบ้านคนนี้ที่ล้างให้ไม่รังเกียจก่อนนั้น..ที่กินข้าวเหลือ
คนเฝ้าบ้านคนนี้..ที่เอามากินอย่างไม่บ่นสักคำย ามใส่บาตรพระ ใส่ด้วยจิตนอบน้อม
อย ากจะมอบให้ย ามใส่บาตรพระพ่อพระแม่ ใส่ด้วยจิตนอบน้อม แบบที่ใส่บาตรพระหรือไม่
ย ามเรียกลูกหลานกินข้าว เรียกด้วยคำพูดที่อ่อนหวานย ามเรียกพ่อแม่กินข้าว เรียกด้วยน้ำเสียงเช่นไร…?
บัดนี้..คนที่เคยสำคัญที่สุดในชีวิต ยังสำคัญที่สุดในใจคุณอยู่อีกหรือไม่หรือกลายเป็นเพียง…เฝ้าบ้าน
ที่คุณกลับมองข้ามความภาคภูมิใจที่ท่านเคยมีคุณทำลายไปแล้วหรือไม่…?
เรื่องสั้นฝากไว้ให้อ่านเพื่อเตือนสติ
หนุ่มน้อยเพิ่งจบการศึกษาด้วยผลการเรียนดีเยี่ยมไปสมัครงานในตำแหน่งผู้จัดการบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง
หลังจากผ่านการสอบสัมภาษณ์ครั้งแรกไปแล้ว ผู้อำนวยการได้เรียกเขาไปสัมภาษณ์เป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนตัดสินใจผู้อำนวยการเห็นข้อมูลในประวัติของเด็กหนุ่มคนนี้ว่ามีผลการเรียนเป็นเลิศในทุกวิชา
ตลอดมานับตั้งแต่อุดมศึกษาจนจบมหาวิทย าลัย ไม่ปรากฏว่าเขาทำคะแนนตกเลย
ผู้อำนวยการเริ่มคำถามว่า “เธอเคยได้รับทุนการศึกษาอะไรหรือเปล่า ?”
เด็กหนุ่มตอบว่า “ไม่เคยครับ”
ผู้อำนวยการถามต่อว่า “คุณพ่อของเธอเป็นคนจ่ายค่าเล่าเรียนให้ใช่ไหม?”
เด็กหนุ่มตอบว่า “คุณพ่อของผมเสียไปตั้งแต่ผมอายุได้ขวบเดียวครับ เป็นคุณแม่ที่จ่ายค่าเล่าเรียนให้ผม”
ผู้อำนวยการถามต่อว่า “คุณแม่ของเธอทำงานที่ไหน?”
เด็กหนุ่มตอบว่า “คุณแม่รับจ้างซักผ้ารีดผ้า”
ผู้อำนวยการขอดูมือของเขา เด็กหนุ่มยื่นมือที่เรียบลื่นไม่มีที่ติให้ผู้อำนวยการดู
ผู้อำนวยการถามต่อว่า “เธอเคยช่วยคุณแม่ของเธอทำงานบ้างหรือเปล่า?”
เขาตอบว่า “ไม่เคยครับ คุณแม่ต้องการให้ผมเรียนแล้วก็อ่านหนังสือเยอะๆ คุณแม่ซักผ้าได้เร็วกว่าผมด้วยครับ”
ผู้อำนวยการบอกว่า “ฉันมีเรื่องให้เธอช่วยทำอย่างหนึ่งนะ วันนี้ เธอกลับไปที่บ้าน ช่วยล้างมือของคุณแม่ของเธอแล้วกลับมาพบฉันอีกทีพรุ่งนี้เช้า”
ด้วยความมั่นใจว่าโอกาสที่จะได้งานทำมีอยู่สูงมากเมื่อเขากลับไปถึงบ้านเขาจึงรู้สึกเต็มใจที่จะล้างมือให้แม่ของเขา
ฝ่ายแม่รู้สึกประหลาดใจระคนหวั่นใจ เธอส่งมือให้ลูก
หนุ่มน้อยค่อยๆล้างมือให้แม่ !
แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา !
เขาเพิ่งรู้สึกว่ามือของแม่นั้นช่างเหี่ยวย่นและเต็มไปด้วยริ้วรอยขูดข่วน ซึ่งพอโดนล้างน้ำก็ทำให้แม่เจ็บจนตัวสั่นระริก
นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มตระหนักรู้ว่า มือคู่นี้เองที่ซักผ้าทุกวันเพื่อหารายได้มาส่งเสียให้เขาได้เล่าเรียน
รอยแผลเหล่านี้คือราคาทีแม่ต้องจ่ายไปเพื่อความสำเร็จในการศึกษาของเขา เพื่อผลการเรียน
ที่ยอดเยี่ยมของเขาและอาจจะเพื่ออนาคตของเขาด้วย คืนนั้นสองแม่ลูกได้คุยกันอยู่นาน
เช้าวันต่อมา เด็กหนุ่มก็เดินทางไปที่ออฟฟิศของผู้อำนวยการ
แป จึงพูดขึ้นว่า “ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าเมื่อคืนที่บ้าน เธอทำอะไรบ้าง แล้วได้บทเรียนอะไร?”
เด็กหนุ่มตอบว่า “ผมล้างมือให้แม่ครับ แล้วก็เลยช่วยแม่ซักผ้าที่เหลือจนเสร็จ”
ผู้อำนวยการบอกว่า “ช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยว่า เธอรู้สึกยังไง”
เด็กหนุ่มตอบ
“ข้อที่หนึ่ง ผมได้รู้ซึ้งถึงคำว่า สำนึกในบุญคุณ ถ้าไม่มีแม่ก็คงไม่มีความสำเร็จของผมด้วย
ข้อที่สอง จากการช่วยแม่ทำงาน ผมได้รู้ว่ามันลำบากย ากเย็นยังไงกว่าจะทำอะไรออกมาสักอย่างหนึ่ง
ข้อที่สาม ผมได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของความรักและความผูกพันในครอบครัว”
ผู้อำนวยการจึงบอกว่า “นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ ฉันอย ากได้ ….
คนที่รู้ค่าของการได้รับความช่วยเหลือ
อย ากได้คนที่เข้าใจถึงความลำบาก ของใครสักคนในการจะทำอะไรได้มาสักอย่าง
และอย ากได้คนที่ไม่ได้ตั้งเงิน เป็นเป้าหมายในชีวิตแต่เพียงอย่างเดียว มาเป็นผู้จัดการให้ฉัน
เป็นอันตกลงว่าฉันรับเธอไว้ทำงาน”