
ศึกษาเอาไว้ เป็นปริญญาชีวิต อย่าไปกังวลว่า ถ้าคุณจากไป อะไรจะเกิดขึ้น
เพราะเมื่อกลายเป็นผงธุลีไปแล้ว ใครจะยกย่องชื่นชม หรือตำหนิประณามอย่างไร คุณจะไปรู้สึกรู้สาอะไรได้
ลูกของคุณ เขาจะเป็นอย่างไร ก็อย่าเป็นห่วงให้มากนัก พวกเขาต่างก็มีจุดหมาย และหนทางชีวิตของตนเอง
เมื่อล่วงลับไปแล้ว คุณก็ยังไม่เลิกเป็นทาสของลูกๆ อีกหรือ อย่าคาดหวังอะไรมากจากเด็กๆ
ต่อให้คุณชุบเลี้ยงใครไว้ดูแลคุณยามแก่เฒ่า เขาก็ต้องวุ่นวายกับการงาน
และภาระผูกพันต่างๆ เกินกว่าจะมีเวลา มาช่วยเหลือดูแลอะไรคุณได้มากนัก
ส่วนลูกจริงๆ นั้น ก็อาจจะกำลังทะเลาะกัน เพื่อแย่งทรัพย์สมบัติของคุณ ทั้งที่คุณยังมีชีวิตอยู่ก็ได้
ดีขึ้นมาหน่อย ก็อาจจะแค่แอบภาวนา ขอให้คุณอย่าใช้เงินมาก และรีบจากไปเสียเร็วๆ
อย่างนี้ก็มีให้เห็นอยู่ถมไป คุณไม่รู้หรอกหรือว่า บรรดาลูกๆ เขาถือว่าทรัพย์สมบัติของคุณ
เป็นสิทธิ์ของเขาไปแล้ว คุณจึงไม่มีสิทธิ์จะไปกำหนดอะไรได้เลย ในเงินที่เป็นของเขา..เข้าใจไหม?
คนอายุเกิน 50 อย่างคุณ ต้องเลิกเอาสุขภาพไปแลกกับความร่ำรวยได้แล้ว “มีเงินเท่าไร ก็ซื้อสุขภาพคืนมาไม่ได้”
คุณตอบได้ไหมว่า จะหยุดหาเงินเมื่อใด เท่าไหร่คุณถึงจะบอกว่า “พอแล้ว” ร้อย พัน หมื่น ล้าน สิบล้าน
พอรึยังไม่ทราบ? ต่อให้คุณมีไร่นานับพันไร่ คุณก็กินข้าวได้แค่วันละ 3 จาน
แม้มีคฤหาสน์นับพันหลัง คุณก็ต้องการพื้นที่หลับนอนยามค่ำคืน เพียง 8 ตารางเมตร
ดังนั้น ตราบใดที่คุณยังมีข้าวปลาอาหารกินอย่างเพียงพอ มีเงินพอใช้สอยได้ทุกวัน เพียงเท่านี้ก็ดีเหลือหลายแล้ว
อายุเท่านี้แล้ว คุณควรอยู่อย่างเป็นสุข ทุกบ้านต่างก็มีปัญหาของตนเอง อย่ามัวไปคิดเปรียบเทียบ
แก่งแย่งแข่งดีกัน ไม่ว่าชื่อเสียง ฐานะในสังคม หรือความก้าวหน้าของเด็กๆ ฯลฯ
สิ่งที่ควรจะแข่งกันจริงๆ นั้นคือ แข่งกันมีความสุข แข่งกันมีสุขภาพดี และอายุยืนนาน
ส่วนอะไรที่เราเปลี่ยนมันไม่ได้ ก็อย่าไปฝังอกฝังใจให้ป่วยการ และทำลายสุขภาพตัวเองเลย
อายุป่านนี้แล้ว ยังเปลี่ยนมันไม่ได้ ก็ปล่อยไปบ้าง ช่างมัน
หลังอายุ 50 แล้วอย่างนี้ คุณต้องค้นหาหนทางของคุณเอง ที่จะสร้างชีวิตความเป็นอยู่ดีๆ
และมีความสุขสดใสขึ้นมาให้ได้ ตราบใดที่มันทำให้คุณอารมณ์ดี คิดถึงแต่สิ่งที่ทำให้เป็นสุข
ทำอะไรก็สุข สนุกกับมันอยู่ทุกวัน นั่นก็หมายความว่า คุณได้ผ่านวันเวลาอย่างเป็นสุขแล้ว
ทุกวันวานที่ผ่านไป คุณจะสูญเสียไป 1 วัน แต่ถ้ามันผ่านไปอย่างเป็นสุข วันนั้นคือกำไรชัดๆ เลย
จิตใจที่ดีจะช่วยรักษาโรคภัยได้ ถ้าจิตใจเป็นสุข โรคก็จะหายเร็วขึ้น
แต่ถ้าจิตใจทั้งดีทั้งเป็นสุขด้วยแล้วล่ะก็ ความเจ็บป่วยจะไม่มีทางมาแผ้วพานได้เลย
ด้วยอารมณ์ที่ดี แจ่มใสอยู่เป็นนิจ ออกกำลังกายให้เพียงพอ อยู่กลางแจ้งบ่อยๆ
กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ได้วิตามินและแร่ธาตุอย่างเพียงพอ
เพียงเท่านี้ก็เชื่อได้ว่า ชีวิตที่เป็นสุข อีก 20 หรือ 30 ปี จะเป็นของคุณแน่นอน
เหนือสิ่งอื่นใด คุณต้องรู้จักบ่มเพาะ และเก็บเกี่ยวความสุขดีๆ จากการได้อยู่ ได้เที่ยว ได้คุยกับเพื่อนๆ
เพราะเขาเหล่านี้จะช่วยให้คุณรู้สึกเยาว์วัย และมีความหมายอยู่เสมอ
ขาดพวกเขาเมื่อใด คุณจะต้องรู้สึกสูญเสียอย่างแน่นอนครับ อ่านแล้วเห็น “เฉลียงชีวิต” ในวัยชรากันบ้างมั้ย?
ก็ต้องขอบคุณทั้งเจ้าของความคิด ผู้เผยแพร่ และทั้งผู้ส่งให้ผมอ่าน
อยากบอกว่า อายุเราเลือกไม่ได้ก็จริง แต่ชีวิตแต่ละช่วงชีวิต เราเลือกได้ครับ
ขอบคุณแหล่งที่มา ปริญญาชีวิต