
วันนี้เราอย ากที่จะพาเพื่อนๆ ไปเรียนรู้เกร็ดความรู้เกี่ยวกับสัญญาณไฟหน้าปัดรถยนต์ที่หากแสดงเตือน
เราจะต้องรีบตรวจสอบหากปล่อยไว้รถของเราอาจพังได้ กับบทความ
7 สัญญาณไฟโชว์บนฟน้าปัดที่ควรรู้ ไปดูกันว่ามีสัญลสักษณ์แบบไหนที่เราควรใส่ใจให้ความสำคัญบ้าง
ก่อนใช้รถจำเป็นที่จะต้องศึกษาสัญญาณเตือนต่างๆตรงหน้าหน้าจอของพวกเราด้วย
เนื่องจากเมื่อเกิดปัญหาขึ้นจะได้แก้ไขได้ทัน ตัดปัญหาความเสียห า ยบานปล า ยเสียแต่
เนิ่นๆโดยเฉพาะท่านที่เป็น มือใหม่หัดขับ ผู้คนจำนวน มากขับขี่รถเป็นขับขี่รถได้ แต่ก็ไม่ได้
มีความเข้าใจในเรื่องสัญญาณเตือนจอรถยนต์เท่าที่ควรก็มี ดังนั้นหากเรารู้จักกับการใช้งาน
อ ย่ างถูกวิธีก็จะช่วยทำให้รถของท่านเองมีอายุการใช้งาน ย าวนาน ลดโอกาสเกิดความเสียห า ยโดยไม่ตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์
1 ไฟเตือนระบบควบคุมเสถียรภาพ
ถ้าหากไฟเตือนรูปรถยนต์ส่ายสว่างขึ้นแสดงว่าคนขับขี่ปิดระบบควบคุมเสถียรภาพหรือระบบป้องกัน
ล้อหมุนฟรีควรจะกดปุ่มเพื่อเปิดการทำงานต ามปกติไฟเตือนจะดับลงในกรณีที่ไฟกระพริบตอนที่ขับขี่
บนทางลื่นหรือเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงแสดงว่าระบบควบคุมเสถียรภาพกำลังทำงานอยู่นี่เป็นเพียงแค่หลักๆ
จำเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นปัจจุบันยังมีไฟเตือนอีกหล า ยแบบอ ย่ างที่พัฒนามาโดยเฉพาะ
เพื่อรถยนต์แต่ละรุ่นทางที่ดีควรจะศีกษาจากคู่มือของรถยนต์แต่ละคันด้วยจะดีมากๆ
2 ไฟเตือนรูปกาน้ำมันเครื่อง
เครื่องหมายตัวนี้จะแสดงลักษณะการทำงานของระบบ หล่อลื่น เมื่อเครื่องยนต์ติด
ปั๊มน้ำมันเครื่องจะดูดน้ำมันเครื่องจากก ้นแคร็งค์ขึ้นไปหล่อเลี้ยงส่วน ต่างๆของเครื่องยนต์
เมื่อมีแรงกดดันในระบบเซ็นเซอร์ได้รับแรงดันต ามที่กำหนด ไฟโชว์ก็จะดับ ด้วยเหตุนี้เวลา
เครื่องยนต์ทำงานอยู่แล้ว ไฟโชว์รูปกาใส่น้ำมันเครื่องติดขึ้น มาบางทีอาจมีความหมายว่า
น้ำมันเครื่องรั่วห า ยไปจากระบบ หรือมีน้อยมากจนปั๊มไม่สามารถที่จะดูดน้ำมันส่ ง
ไปเลี้ยงเครื่องยนต์ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อไฟเตือนรูปนี้ติดขึ้น มาควรจะหยุดรถรวม
ทั้งดับเครื่องยนต์โดยทันที แล้วกระทำตรวจเช็คดูว่ามีร่องรอยของการรั่วตรงจุดไหน
3 ไฟเตือนน้ำมัน เ ชื้ อ เพลิง
จะเป็นเครื่องหมายรูปหัวจ่ายน้ำมัน ไฟเตือน ด ว งนี้จะโชว์ขึ้นเมื่อน้ำมันเ ชื้ อ เพลิงในถังใกล้หมด
เมื่อเครื่องหมายนี้โชว์ขึ้น มาส่วนใหญ่สามารถวิ่งถัดไปได้อีกราว 30 กิโลเมตร เพื่อเตือน
ให้คนขับขี่รีบเติมก่อนน้ำมันจะหมดถัง สำหรับในการใช้งานจริงนั้นไม่สมควรปล่อยให้น้ำมัน
เ ชื้ อเพลิงในถังเหลือต่ำลงยิ่งกว่าระดับของมาตรวัด โดยเฉพาะอ ย่ างยิ่งรถยนต์ที่ใช้หัวฉีด
สำหรับการจ่ายน้ำมัน ส่วน มากปั๊มเ ชื้ อเพลิงจะเป็นแบบแช่ถังถ้าเกิดน้ำมันเหลือ
น้อยมากจะก่อให้ปั๊มร้อนรวมทั้งมีการสึกหรอก่อนจะถึงเวลาอันสมควรครับ
4 ไฟเตือนเครื่องยนต์
ไฟเตือนรูปเครื่องยนต์เกิดขึ้นได้จากหล า ยกรณีบางครั้งรถยนต์ยังสามารถขับถัดไปได้
แต่ก็มีบ่อยมากที่ทำให้เครื่องยนต์ไม่อาจจะทำงานต่อได้เหมือนกันโดยจากการสำรวจของเว็บ
บอ กว่าต้นสายปล า ยเหตุที่มักพบที่สุดคือออ กซิเจนเซนเซอร์,ระบบกรองไอเสียแคทต าไ
ลติกคอนเวอร์เตอร์ Catalytic Converter รวมทั้งหัวเทียนหรือระบบจุดร ะ เ บิ ด ทางที่ดีหาก
พบว่าไฟเตือนเครื่องยนต์โชว์ขึ้น มา ควรจะรีบนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการโดยทันทีเพื่อตรวจค้นสาเหตุและก็แก้ไขต่อไป
5 ไฟเตือนรูปแบตเตอรี่
หล า ยท่านรู้เรื่องว่าถ้าสัญญาณเตือนรูปแบตเตอรี่สว่างขึ้น แปลว่าแบตเตอรี่ใกล้หมด
แม้กระนั้นโดยความเป็นจริงแล้วสัญญาณดังที่กล่าวถึงแล้วแสดงว่าไดช าร์จไม่ทำงาน
ซึ่งจะทำให้ระดับไฟในแบตเตอรี่ลดลงอ ย่ างช้าๆกระทั่งเครื่องยนต์ดับลงในที่สุด
ทางที่ดีแม้สัญญาณเตือนรูปแบตเตอรี่สว่างขึ้น ควรจะรีบนำรถยนต์ไปยังศูนย์บริการหรือ
อู่ซ่อมรถใกล้เคียงโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันรถยนต์ต า ยกลางทาง
6 ไฟเตือนโอเวอร์ฮีต
แม้ขับๆอยู่แล้วพบว่าสัญญาณเตือนรูปเทอร์มอมิเตอร์สีแดงสว่างขึ้น มา นั่นหมายความว่า
รถยนต์คุณมีปัญหากับระบบหล่อเย็นจนถึงทำให้มีการเกิดอาการโอเวอร์ฮีตแล้ว
ทางที่ดีควรจะรีบนำรถยนต์เข้าข้างทาง อ ย่ างปลอ ดภ ัยรวม
ทั้งรีบดับเครื่องยนต์โดยทันทีไม่ฝืนขับต่อโดยเด็ดข า ด
7 ไฟเตือนเครื่องหมาย ABS
จะติดสว่างขึ้นเมื่อบิดกุญแจมาตำแหน่ง ON เมื่อเครื่องยนต์ ติดแล้ว ไฟนี้จะดับไป
บางครั้งเวลาเบรคแรงๆไฟเตือนรูป ABS บางทีก็อาจจะกะพริบโชว์เป็นจังหวะ อ ย่ างนี้
ไม่ต้องตกใจ เป็นด้วยเหตุว่าระบบ ABS ทำงาน เมื่อปล่อยเบรคแล้ว จะดับไปเอง
แต่ว่าหากขับจู่ๆแล้วไฟเตือนรูปนี้ติดสว่างขึ้น มา หมายความว่าระบบมีปัญหา ทางที่ดี
ควรจะเปิดคู่มือประจำรถยนต์ดู จะบอ กได้ว่าเกิดขึ้นจากอะไร เพราะว่าบางยี่ห้อมีไฟเตือน
ที่หน้าต าคล้ายๆกันอยู่ ตัวอย่ างเช่น ไฟเตือนเบรคมือ หรือไฟเตือนผ้าเบรคหมด ระดับ
น้ำมันเบรคต่ำกว่าระบุ เปิดคู่มือก็จะรู้อาการเบื้องต้น ถ้าหากเบรคยังดำเนินงานได้ ก็ให้วิ่งประคอง
ไปเรื่อยๆอ ย่ าใช้ความเร็วสูงนัก เพื่อความปลอ ด ภั ย บางครั้งก็เป็น
เพราะว่าโคลน หรือความชื้นที่เซนเซอร์ ทำให้ค่าที่วัดได้เพี้ยนไป