
1.ความไว้เนื้อเชื่อใจ ที่หัวหน้ามีต่อลูกน้อง พนักงานมีต่อองค์กร ผู้ถือหุ้นมีต่อทีมผู้บริหาร น า ย จ้ า ง มี ต่ อ ลู ก จ้ า ง ฯลฯ
เป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ ที่แยกระหว่างองค์กรที่อยู่รอดกับองค์กรที่ล้มเหลว
2.ในสถานการณ์ที่ย ากลำบาก อย่างเช่นช่วงวิกฤตโ ค วิ ด ที่ผ่านมา ก า ร สื่ อ ส า ร เ ป็ น เ รื่ อ ง สำ คั ญ ม า ก ต้องเร็ว กระชับ ชัดเจน และสม่ำเสมอ
3.เงินสดคือพระราชา ไม่ว่าสำหรับชีวิตส่วนตัวหรือการทำธุรกิจ ไ ม่ มี เ งิ น ส ด เท่ากับไม่มีอากาศหายใจ
4.เมื่อวิกฤตผ่านไป อ ย่ า ห วั ง ว่ า ทุ ก อ ย่ า ง จะกลับมาเหมือนเดิม…ไม่มีทาง
5.เทคโนโลยีและดิจิทัล ไม่ได้ย ากและซับซ้อนอย่างที่คิด
ความเชื่อเดิมที่ว่าคนรุ่นเก่ามีปัญหาเรื่องการใช้เทคโนโลยี พิ สู จ น์ แ ล้ ว ว่ า …ไม่จริง
6.มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ยังไงก็ไม่มีทางที่จะทำงานจากบ้านได้ 100% อน า ค ต จ ะ เ ป็ น แ บ บ ลู ก ผ ส ม (hybrid)
7.การล็อกดาวน์ แ ล ะ ทำ ง า น จ า ก บ้ า น ทำให้เห็นว่าที่ผ่านมาองค์กรมีคนเยอะเกินไป
บางแผนกไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ และที่สำคัญเราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากกว่าที่เคยคิดไว้
8.วิกฤตครั้งนี้ทำให้มองเห็นศักยภาพของพนักงานบางคนได้อย่ างชัดเจน ทั้ง ๆ
ที่เมื่อก่อนไม่เคยอยู่ในสายตา ห ล า ย ค น บ อ ก ว่ า ค ล้ า ย ๆ เจอเพชรเม็ดงามเลยทีเดียว
9.โ ค วิ ด – 1 9 เป็นเหมือนตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หลายเรื่องเตรียมการมานาน แต่ไม่ได้ทำซะที
หลายสิ่งพย าย ามผลักดันมานาน แต่ก็ไม่เกิด จ น มี โ ค วิ ด นี่ แ ห ล ะ เลยทำให้ความฝันกลายเป็นความจริง
10.ช่วงวิกฤต เป็นเวลาเหมาะสมที่สุดในการหันกลับมามองตัวเอง อะไรที่คั่งค้างไว้ไม่ได้ทำ ก็ถือโอกาสสังคายนา
ขั้นตอนหรือกระบวนการอะไรที่ไม่มีประสิทธิภาพ ก็ ถื อ โ อ ก า ส รื้ อ คนที่ไม่ใช่ก็เป็นโอกาสให้ออกไป
ในขณะเดียวกันก็ใช้เวลาที่พอมีเหลือ เนื่องจากไม่ต้องเดินทาง และไม่ได้ออกไปเถิดเทิงที่ไหน มาใช้ในการพัฒนาตนเอง
ขอบคุณ prachachat