
เพราะงานไม่ได้หากันง่าย หลายคนจึงถือคติ ‘ไม่เลือกงาน ไม่ย ากจน’ แต่ก็มีหลายคน
ที่รู้สึกลำบากใจโดยเฉพาะเรื่องของเงินเดือน ทำไม๊… ทำไมไม่ถึงหมื่นอย่างคนอื่นเขาซะทีทั้งที่จบ
ป.ตรีมาเหมือนกันนะบางทีปัญหามันก็ไม่ได้เกิดที่เงินเดือนเป็นหลัก แต่เกิดจากวิธีคิดของเรา
ที่ยึดติดแต่เปลือกมากเกินไปเงินเดือนแค่หลักพันแล้วไงล่ะ ทำไมจะมีชีวิตดี๊ดีแบบคนมีเงินเดือนหลักหมื่นไม่ได้
1. ถึงทุกอย่างที่มีอยู่ ไม่แพง ไม่หรู
แต่ก็ครบครัน ที่พักก็มี, การเดินทางก็ไม่ลำบากมาก, การกินอยู่ก็พออิ่มพอกิน, ได้
เข้าสังคมตามโอกาสที่ควร,ได้เพื่อนร่วมงานที่ดี, มีวันหยุดที่สบาย, เ จ็ บ ป่ ว ยก็มีค่ารั ก ษ า ฯลฯ
สิ่งรอบตัวเรามีครบขนาดนี้ก็ไม่จำเป็นแล้วที่จะต้องดิ้นรนให้เกินฐานะ พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่นี่แหละความสุขที่แท้จริง
2. โชคดีแค่ไหนแล้วที่มีงาน มีเงิน
ถ้าคุณกำลังท้อใจ รู้สึกว่างานที่ทำอยู่ทำไมด้อยมูลค่า ด้อยตำแหน่ง ลองมองในมุมกลับกันว่า
‘ดีแค่ไหนแล้วที่มีงานทำ’บางคนไม่มีโอกาสที่ดีเท่าเราด้วยซ้ำไปพวกเขาต้องดิ้นรนหนักกว่าบ้ าง
หรือไม่ก็ยอมแพ้ ไม่หางานซะเลยก็มีแต่อย่าใช้ปลอบใจตัวเองในวันที่คุณรู้สึกว่างานที่ทำอยู่มันทำ
ให้คุณรู้สึกไม่โอเคมากๆ เช่น สวัสดิการห่วยมาก,มีการทุจริตในองค์กรจริง, ยิ่งอยู่ยิ่งถูกเอาเปรียบจริง
ลาออกเลยดีกว่า อย่าปลอบใจตัวเองถ้ารู้สึกท ร ม า นมาหลายหนแล้ว
3. สร้างมิตรภาพกับคนรอบตัวเข้าไว้
ความสัมพันธ์อันดีต่อเพื่อนบ้ าน, เพื่อนร่วมงาน, ใครก็ตามที่อยู่ใกล้ๆ เรา นอกจากเราจะได้รับการแ บ่ ง ปั นของกินของใช้,
อ า ห า ร, โอกาสดีๆ อันอื่นๆ ในย ามที่เราเดือดร้อนขึ้นมาเช่น จู่ๆ ก็ไม่สบายหนัก พวกเขาอาจช่วยเราผ่ อ นหนักเป็นเบา
คอยเป็นหูเป็นตาช่วยดูแลเรา ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าความสัมพันธ์มันมาพร้อมกับผลประโยชน์แต่เราก็เลือกได้นะว่าจะบาลานซ์
ให้เรื่องไหนมาเป็นอันดับแรก ถ้าคุณเลือกผลประโยชน์นำหน้า คุณก็จะไม่ได้รับความจริงใจเลย
เลือกสิ่งไหน ได้สิ่งนั้นไงล่ะ (เชื่อเถอะว่ารวยเพื่อน มันดี๊ดีกว่ารวยเงินทองซะอีกนะ)
4. ถึงจะออกนอกห้องบ่อยๆ
ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่มีเงินเก็บเลย จริงอยู่ว่าก้าวเท้าออกไปนอกบ้ านหรือนอกห้อง ก็เท่ากับ
ว่าเรายินยอมที่จะจ่ายตังค์แล้วอย่าเหนียวกับตัวเองไปหน่อยเลยถ้าวันไหนไม่มีตังค์หรือเงินช็อต
ไม่จำเป็นต้องออกไปใช้เงินมากก็ได้ ลองหากิจ ก รรมง่ายๆ เช่นออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะ,
ออกไปเดินเล่นที่ห้าง, ออกไปปั่นจักรย านเที่ยวเล่นอย่าติดนิสัยอยู่ในห้องบ่อยๆ เราควรแอคทีฟตัวเอง
บ้ าง ร่า ง ก า ยจิตใจจะได้แจ่มใส ตื่นตัวอยู่เสมอ ไม่เ จ็ บ ป่ ว ยง่าย ไม่รู้สึกน่าเบื่อหรือหดหู่ง่ายเหมือนขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง
5. ควรซื้ อของด้วยเงินสด
ไม่ใช้ระบบผ่ อ นหรือบั ต ร เ ค ร ดิ ต อย ากได้อะไรพย าย าม
เก็บเงินให้ครบแล้วค่อยไปซื้ อ อย่าติดนิสัยซื้ อมาก่อน ผ่ อ นทีหลังหรือจ่าย
ด้วยบั ต ร เ ค ร ดิ ต ซึ่งเป็นการนำเอาเงินในอนาคตมาใช้
(ไม่เหมาะกับคนเงินเดือนหลักพันเป็นอย่างยิ่ง เพราะสเตทเม้นท์ไม่ปลอดภัยพอสำหรับการหมุนเงิน)
การก่อหนี้โดยไม่จำเป็น ขาดเหตุผล อาจทำให้เราไม่มีเงินเก็บ เงินขาดมือ ติดพันกับการกู้ยืมเป็นทอดๆ ไม่รู้จบ
6. กระจายเงินเก็บ/ต่อยอดเงินเก็บ
เงินจากการออมเป็นรายวัน/รายสัปดาห์/รายเดือน ไม่ควรมีในบัญชีเดียวหรือแหล่งเดียว
ควรกระจายแหล่งเงินฝาก เช่นฝากไว้เป็นบัญชีกลางร่วมกับแฟน, ฝากไว้ที่บัญชีของลูกน้อย,
ฝากไว้ที่บัญชีของพ่อแม่ เพื่อป้องกันการใช้เงินแบบไม่มีลิมิตหรือกันเงินไว้สำหรับเหตุฉุ ก เ ฉิ น
ได้หลายที่และหากมีเงินเก็บมากพอสัก 5,000-10,000 บาท ลองต่อยอดเป็นหุ้น,ธุรกิจเล็กๆ, ทองคำ,
เงินฝากประจำด อ ก เ บี้ ยสูง เงินคุณจะได้เติบโตมากขึ้น ไม่เป็นยอดนิ่งๆ แค่บัญชีเดียวแต่เสียวไส้ ใช้หมดเมื่อไหร่ เจ๊งเมื่อนั้น
7. ให้รางวัลตัวเองแบบพอชื่นใจ
ไม่ถี่มาก ชอบพอที่จะซื้ ออะไรให้กับตัวเอง ไม่จำเป็นต้องอดซื้ อ แต่ลองตั้งเงื่อนไขอะไร
ให้กับตัวเองสักอย่างเกี่ยวกับงาน เช่นส่งงานให้ทันกำหนดการ, ทำยอดได้ตามเป้าหมาย
ถ้าสิ่งที่คิดไว้สำเร็จจริง นอกจากจะได้แรงจูงใจในการทำงานมันยังเป็นการเบรค
ตัวเองไม่ให้จ่ายอะไรในก้อนใหญ่ที่ไม่จำเป็นโดยง่ายอีกด้วย
8. อย่าบ่น
ถ้าต้องเดินทางด้วยความลำบาก ถ้าคิดแล้วว่าวิธีไหนก็ปลอดภัยเหมือนกัน
ให้มองหาการเดินทางวิธีที่ประหยัดที่สุด เช่นเดินจากที่พักไปออฟฟิศที่ใกล้ๆ,
ขึ้นรถโดยส า รประจำทาง, ปั่นจักรย านไปทำงาน, ขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงานจังหวัดใกล้ๆ
คุณไม่จำเป็นต้องใช้วิธีสะดวกสบายมาก หากว่าสุดท้ายแล้วต้องรับผิดชอบ
ค่าใช้จ่ายในส่วนของพาหนะเป็นก้อนใหญ่รองจากค่าที่พัก
9. โอกาสทางสังคมไม่จำเป็นต้องแพง
การประหยัด นอกจากไม่ได้แปลว่าการอดมื้อกินมื้อ ยังไม่ได้หมายถึงการงดเข้าสังคม
ด้วยเช่นกัน การเข้าสังคมยังเป็นสิ่งที่จำเป็นเสมอในการทำงาน เพราะมันจะทำให้เราเข้าใจ
เพื่อนร่วมงานได้มากขึ้น ติดต่อสื่อส า รทั้งในและนอกเวลางานได้ลื่นไหลขึ้นไม่จริงเสมอไป
ว่ามันจะต้องเป็นค่าใช้จ่ายที่แพงไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย มันเป็นค่าใช้จ่ายที่แลกกับมิตรภาพ
และประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นและเราก็เลือกได้ว่าจะเข้าสังคมแบบไหนถึงจะเหมาะ เช่น
ทาน อ า ห า รร่วมกันในร้านที่ไม่แพงมาก, แ ช ร์ อ า ห า รกลางวันที่ทำมาจากบ้ านร่วมกัน,
ไปทำบุญร่วมกัน เอาที่ตัวคุณเองสบายใจ และไม่สร้างความขัดแย้งกันก็พอ
10. อย่าจำกัดสกิลตัวเอง
อย่าคิดว่าเรามีความสามารถแค่นี้ ก็สมควรที่จะได้ทำงานแค่นี้ รับผิดชอบงานแค่
ไม่กี่อย่าง มีเงินเดือนแค่หลักพันคุณต้องเพิ่มมูลค่าและคุณค่าให้กับตัวเองด้วยการ ‘อัพสกิล’
เช่นเก็บเงินไปสอบวัดระดับภาษาให้ผ่านเพื่อนำผลสอบนั้นไปยื่นเรื่องปรับเงินเดือนหรือย้ายไป
สมัครงานที่ใหม่, หารายได้เสริมจากทักษะที่ตนเองถนัด,ขยันทำโอทีเท่าที่จะมีแรงทำได้ (แต่ไม่หนักมากจนหักโหม)
11. อ า ห า รมื้อหลัก
ทานแบบถูกหรือฟรีก็ได้ มื้อหลักๆ ที่ทานไว้กันต า ย ไม่จำเป็นต้องอร่อย แต่ขอให้เน้นอิ่มไว้
เช่น อ า ห า รที่บ้ าน,อ า ห า รในโรง อ า ห า รที่ทำงาน คุณจะได้มีเงินเก็บอีกเยอะไปทำอะไรก็ได้
แต่อย่าลืมคำนึงถึงสุ ข ภ า พ ตนเองด้วยอย่าทานของที่ไม่มีประโยชน์ อย่าถูกจนเข้าข่ายอดมื้อกินมื้อ
ให้รางวัลตัวเองด้วยการทานของอร่อยๆ ในวันหยุดแต่ละสัปดาห์บ้ างก็ดีนะ
12. ที่อยู่อาศัย
ประหยัดได้ยิ่งดี มนุษย์เงินเดือนหลายคนต้องหักเงินเดือนครึ่งหนึ่งเป็นค่าเช่าที่พัก ถ้าคุณอยู่บ้ านหรือที่ทำงานคุณให้ที่พักฟรีล่ะก็
ไม่ต้องอายคนอื่นว่าจะเป็นการเกาะใครกินรึเปล่ามาโฟกัสที่การเก็บเงินดีกว่านะ ยิ่งเราจ่ายให้ค่าที่พักได้น้อยมากหรือไม่จ่ายเลย
เรานี่แหละมีโอกาสเป็นนายตัวเองได้ไว ถ้าเทียบกับคนอื่นที่ยังติดวงจรใช้เงินแบบเดือนชนเดือน-ในกรณีที่คุณจำเป็นต้องเช่าที่พักเอง
หาที่อยู่ที่ปลอดภัยในวงเงินแค่ 2,500-3,000 บาท/เดือน เป็นอันพอ หรือได้แค่ห้องเปล่า ไม่มีเน็ต ไม่มีทีวีก็ได้
ถ้าคุณขาดเน็ตไม่ได้ แนะนำว่าให้เลือกสมัครแพคเกจเน็ตของค่ายมือถือด้วยตัวเองจะถูกกว่า อีกทั้งยังได้ใช้งานได้ทุกที่ ไม่จำกัดแค่ที่ห้องพักที่เดียว