
ในสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เงินหาได้ ย า ก ขึ้นทุกวัน ทุกคนประหยัดการค่าใช้จ่ายกันมากขึ้น และใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นเท่านั้นเพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้เงินเดือนขึ้น
โบนัสสิ้นปีก็ลุ้นแล้วลุ้นอีกว่าจะได้กี่เดือน (หรือไม่ได้เลย) เพราะบริษัทมีผลประกอบการไม่ดี เนื่องจากเศรษฐกิจขาลงในช่วงนี้
แต่หากคุณยังไม่มีแผนการว่าควรตัดค่าใช้จ่ายในส่วนใดออกไปบ้าง วันนี้
เรามีคำแนะนำเบื้องต้นกับสิ่งที่คุณควรหยุดเสียเงินให้กับมัน มาฝากกันครับ
1. ช็อปปิ้งเพราะได้รับการโน้มน้าว
เวลาออกไปเดินตามถนน หรือตามห้างร้าน คุณจะได้เห็นโฆษณาสินค้ามากมาย รวมถึง เ ซ ล ล์ ข า ย สินค้าที่มักจะมา แ น ะ นำ
สิ น ค้ า ให้คุณเมื่อคุณเดินผ่านร้านของเขาสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ ก ร ะ ตุ้ น ให้คุณ ซื้ อ สินค้าทั้งสิ้น ถ้าหากคุณเป็นคนที่ถูกชักจูงได้ง่าย
ก็จะ ซื้ อ สินค้าของเขาง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่ความจริงคุณก็แค่ อ ย า ก ได้มันแต่ไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้มันจริง ๆ เช่น เครื่องประดับ
รองเท้าแบรนด์เนม ทั้งที่คุณมีของใช้เหล่านี้อยู่แล้ว ของที่ ซื้ อ มาใหม่ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเท่าใดนัก
สิ่งที่คุณควรทำเมื่ออยู่ในสถานการณ์นี้ คือคุณต้องคิดไตร่ตรองเสียก่อนว่าคุณมีความจำเป็นต้อง ซื้ อ มันจริง ๆ
หรือไม่ ซื้ อ มาแล้วจะใช้ได้คุ้มค่าหรือไม่ เพียงแค่นี้ก็ไม่ก่อให้เกิดการเสียเงินไปอย่างสูญเปล่าแล้วครับ
2. การใช้แต่ของที่ทันสมัยล่าสุด
การติดตามเทคโนโลยีล่าสุดเป็นสิ่งที่ดีเพื่อติดตามว่าโลกเราหมุนไปถึงไหนแล้ว แต่เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้
ของที่ทันสมัยใช้เทคโนโลยีล่าสุดทุกครั้งเช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ ที่มีการอัพเดทฟังก์ชั่น และอุปกรณ์กันบ่อยมาก ๆ
หากเราตาม ซื้ อ สิ่งของเหล่านี้ทุกครั้งที่มีออกมาใหม่ทั้ง ๆ ที่ของเก่าที่เราใช้อยู่ก็ยังใช้ได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร
จะทำให้เราสูญเสียเงินไปอย่างไม่คุ้มค่า และได้ของในราคาที่แพงเพราะสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดมักจะมีราคาแพงตอนเปิดตัว
เสมอ การจ่ายเงิน ซื้ อ เทคโนโลยีล่าสุดทุกครั้ง จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ และควรหยุดเสียเงินให้กับมันได้แล้ว ควร ซื้ อ เมื่อจำเป็นต้องใช้จริง ๆ เท่านั้น
3. กาแฟสดราคาแพง
การดื่มกาแฟตอนเช้า เป็นสิ่งที่แทบจะขาดไม่ได้สำหรับคนทำงานส่วนใหญ่ใช่ไหมครับ แต่กาแฟก็มีหลายราคา
ถ้าเป็นกาแฟสดตามร้านดัง ๆ ราคาเกินร้อยหากดื่มทุกวัน เดือนหนึ่งก็ตกเป็นเงินหลายพันบาท ซึ่งจริง ๆ แล้วถ้า
อ ย า ก ดื่มกาแฟเพื่อให้กระปรี้กระเปร่าในตอนทำงาน เราก็สามารถดื่มกาแฟธรรมดาแก้วละ 20 -25 บาท
หรือกาแฟซอง (ที่ออฟฟิศมีให้พนักงานฟรีแทบจะทุกออฟฟิศ) แม้จะมีรสชาติดีไม่เท่ากาแฟสดร้านดัง
แต่ก็ทำให้รู้สึกตื่นตัวได้ไม่แพ้กันครับ และทำให้ประหยัดเงินค่ากาแฟไปได้มากเลยทีเดียว
4. ค่า ส ม า ชิ ก ฟิตเนสที่แพงเกินจริง
เดี๋ยวนี้คนรัก สุ ข ภ า พ มักจะสมัครเป็น ส ม า ชิ ก ฟิตเนสเพื่อเข้าใช้อุปกรณ์ของฟิตเนสในการออกกำลังกาย
แต่ก็มีฟิตเนสบางที่ที่เก็บค่า ส ม า ชิ ก สูงมาก ทั้ง ๆ ที่อุปกรณ์ก็สามารถใช้ได้เหมือนกับฟิตเนสที่อื่น
ซึ่งคุณควรพิจารณาฟิตเนสที่มีค่า ส ม า ชิ ก ที่เหมาะสมและถ้าใกล้บ้านของคุณมีสวนสาธารณะ
ให้ออกกำลังกายอยู่แล้ว ฟิตเนสก็ไม่จำเป็นเลย คุณสามารถออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องเสียเงินที่สวนสาธารณะใกล้บ้านครับ
5. เที่ยวกลางคืนแพง ๆ
การเที่ยวกลางคืนเพื่อผ่อนคลายนั้น เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ ถ้าไม่บ่อยและแพงเกินไป
แต่ถ้าเที่ยวบ่อยและแพงชนิดที่ว่าเกิดมาทั้งทีมีชีวิตให้คุ้มก็ควรหยุดได้แล้วเพราะการเที่ยวกลางคืนไม่ทำให้
ได้อะไรขึ้นมานอกจากความบันเทิงเท่านั้น การเที่ยวกลางคืนจะต้องเสียทั้งค่าเดินทาง ค่าเข้าสถานที่ ค่าเดินทาง
ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่มากพอสมควร และเมื่อดื่ม สุ ร าเข้าไปแล้ว ก็จะทำให้เงินออกจากกระเป๋าง่ายขึ้น
ขาดการไตร่ตรอง ทำให้เสียเงินไปจำนวนมากกว่าที่คิดควรเก็บเงินส่วนนั้นไว้ใช้จ่ายอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์มากกว่านี้ดีกว่าครับ
ขอขอบคุณM o n e y G u r u