
1. เก็บก่อนใช้ ได้เปรียบกว่าเห็น ๆ
เงินเดือน 15,000 ให้กันเงินไว้ 1,500(คิดเป็น 10% จากเงินเดือน) จากนั้น
เงินเหลือเท่าไหร่ ค่อยหักลบหนี้สินและ รายจ่ายคงที่ (Fixed Cost) ใน
แต่ละเดือน เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าโทรศัพท์แล้วจึงเหลือเป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน วิธี
นี้อาจจะฟังดู โ ห ด ร้ า ย ไปสักนิดแต่เชื่อเถอะว่า เราจะมีเงินเก็บที่
แน่นอนในทุก ๆ เดือนอย่างน้อย ๆก็ได้เดือนละ 1,500 บาท ตกปีหนึ่งก็ได้มา 18,000 บาทแล้วนะ
2. เปิดบัญชีฝากประจำ
การฝากประจำ คือ ต้องฝากเงินในจำนวนเท่า ๆ กันทุกเดือน ในระยะเวลาที่กำหนด
และ เงินจำนวนนี้จะไม่สามารถถอนออกก่อนกำหนดเวลาได้ ทั้งนี้ ระยะเวลาของ
การฝากประจำก็มีทั้งแบบระยะสั้น 3 เดือน– 1 ปี และ แบบระยะ ย า ว 2-3 ปี ใคร
ที่เป็นคนเก็บเงินไม่ค่อยอยู่แนะนำให้ลองออมเงินด้วยวิธีนี้ดู ทั้งได้เงินออม
ได้ผลตอบแทนจาก ด อ ก เบี้ย แถมยังได้ฝึกวินัยในตนเองเพิ่มอีกด้วย
3. หักบัญชีอัตโนมัติ
การตั้งหักบัญชีอัตโนมัติถือเป็นตัวช่วยด้านวินัยอย่างหนึ่ง ให้เราสามารถชำระ
ค่าบริการต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง และตรงต่อเวลาอย่าง ค่าผ่อนบ้าน ค่าโทรศัพท์
และ ค่างวดที่ฝากประจำต่าง ๆ ซึ่งการที่เราสามารถชำระค่าบริการต่าง ๆ ได้
ตรงเวลานอกจากจะไม่โดนเรียกเก็บค่าธรรมเนียมชำระล่าช้าแล้ว ยังช่วย
เสริมสร้างเครดิต และ ความน่าเชื่อถือให้กับตัวเราเองอีกด้วย
4. มีเศษเหรียญ ให้หยอดกระปุก
ลองหากระปุกออมสินน่ารัก ๆ มาสร้างแรงบันดาลใจสักอัน คอยสำรวจกระ
เป๋าสตางค์ของเราว่า มีเศษเหรียญอยู่บ้างไหมถ้ามีก็อย่ารีรอ รีบหยอดกระปุก
กุ๊กกิ๊กของเราให้เต็มเร็ว ๆ กันดีกว่าหรือถ้าวันไหนเกิด อ ย า ก จะให้โบนัส
ตัวเอง ก็ลองเพิ่มจากเศษเหรียญเป็นแบงก์20 บ้างก็ได้พอกระปุกเต็มเมื่อไหร่ก็ลอง
แกะมานับดู เผลอ ๆ ได้มาอีกหลายร้อยโดยไม่รู้ตัวนะเอ้า!
5. แบงก์ 50 เป็นของต้องห้าม
แบงก์ 50 ค่อนข้างจะเป็น Rare Itemเพราะมันมีน้อยกว่าจำนวนแบงก์อื่น ๆ
ที่เราใช้กัน การที่เราจะเก็บมันไว้โดยไม่ใช้ก็ไม่น่าจะกระทบกับชีวิตประจำวัน
ของเรามากนัก ดังนั้น ให้มองว่า เจ้าแบงก์สีฟ้านี้เป็นของต้องห้าม หมายถึง
“ต้องห้ามนำออกมาใช้เด็ดขาด” นั่นแหละสะสมเอาไว้หลายใบเข้า
มารู้ตัวอีกทีเก็บได้เกือบ 1,000 บาทก็มีนะ
6. ช้อปไปเท่าไหร่ ออมคืนเท่านั้น
ข้อนี้เป็นการปรับนิสัยการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยของตัวเองได้ดีเลยนะ มองอีกแง่ มัน
เหมือนกับการ “ยืมเงินตัวเองออกมาใช้ก่อน” แล้วคืนให้ทีหลังหลักการเดียวกับ
การยืมเงินเพื่อนเลย เพียงแต่นี่คือเงินตัวเอง ถ้า อ ย า ก ช้อปปิงมาก ก็ช้อป
ได้เลย แต่ซื้ออะไรไปเท่าไหร่จดไว้แล้วหามาจ่ายคืนทีหลังด้วยนะ แม้
จะเป็นเงินตัวเอง ก็ห้ามอ่อนข้อ ทำให้เหมือนเราติดหนี้เพื่อน
ต้องรีบใช้คืนอย่าผัดวันประกันพรุ่งเด็ดขาด
7. เงินเหลือเท่ากับออม
สมมติว่า สิ้นเดือนเรามียอดคงเหลือในบัญชีอยู่ 1,530 บาท ให้ย้ายเงินส่วนนี้
ไปใส่บัญชีเงินออม อาจจะถอนออกเป็นเลขกลม ๆ เช่น 1,500 บาท
ไปเก็บออมไว้พอขึ้นเดือนใหม่ เงินเดือนเข้ามาอีก 15,000 บาท + ของ
เก่าคงค้าง 30 บาท รวมเป็น 15,030บาทเพื่อใช้จ่ายในเดือนนั้น ๆ แล้วเรา
ก็กลับไปใช้เทคนิคตั้งแต่ข้อที่ 1 ไล่ลงมาใหม่ ถือเป็นการบังคับตัวเองให้ใช้
จ่ายด้วยวงเงินที่จำกัดเท่า ๆ กันในแต่ละเดือน และ ลดการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายลงได้
สุดท้ายนี้ การออมเงินไม่ใช่เรื่อง ย า กแต่เป็นเรื่องของการวางแผน ตั้งใจ
หักห้ามใจ และ มีวินัยในตนเอง รับรองได้เลยว่า ถ้าทำตามทั้ง
7 วิธีที่กล่าวมานี้ ยังไงก็มีเงินเก็บแน่นอน